เมื่อลูกเข้าสู่วัยรุ่น จะมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ทั้งร่างกายและจิตใจ ปัญหาที่พ่อแม่มักจะเจอ เมื่อ เลี้ยงลูกวัยรุ่น ก็คือ “ เริ่มไม่เชื่อฟัง คุยกันไม่รู้เรื่อง มีความลับ ปิดบัง เหินห่าง ไม่เชื่อใจคนในครอบครัว ”
อันดับแรกอยากให้คุณพ่อคุณแม่ ผู้ปกครองทำความเข้าใจว่า แท้จริงแล้วเป็นเรื่องปกติ ของเด็กวัยรุ่น ที่กำลังต้องการพื้นที่ความเป็นส่วนตัว เริ่มมีความคิดเป็นของตัวเอง และบ่อยครั้งที่ลูกยังไม่พร้อมรับฟังคำแนะนำจากพ่อแม่
ซึ่งทำให้คุณพ่อคุณแม่ ส่วนมากมักเกิดความรู้สึก น้อยใจ เครียด กังวล อยากที่จะเข้าไปอยู่ในพื้นที่ของลูก เพราะพ่อแม่รัก และเป็นห่วง จึงอยากจะรู้ความเป็นไป หลาย ๆ ครั้ง เราก็เลือกที่จะคาดคั้นลูก (จากความห่วงใย) แต่นั่นยิ่งทำให้ลูกวัยรุ่นของคุณปิดใจไม่อยากคุยด้วย
มาเรียนรู้ 3 ข้อหลักๆ ในการเปิดใจลูกวัยรุ่น และลูกในแต่ละวัยไปกับ LSA ค่ะ
1.ฟังให้มาก ฟังให้สุด
จากการสำรวจ เราพบว่าจริงๆ แล้ว คนที่ลูกอยากคุยด้วยมากที่สุด ก็คือ พ่อแม่ แต่ทำไม เราจึงพบว่าเด็กส่วนใหญ่กลับไปอยากเล่าให้พ่อแม่ฟัง ? แต่กลับไปเล่าให้เพื่อนฟังแทน เป็นเพราะ ในขณะที่ลูก (วัยเด็ก วัยเรียน วัยรุ่น) กำลังเล่า เราก็อดไม่ได้ที่จะสอน หรือแนะนำหรือเปล่า และนี่คือกับดักที่พ่อแม่ส่วนใหญ่ตกลงไป จนเกิดเป็นวลี ที่ได้ยินบ่อยๆ ว่า “พ่อ แม่ ไม่เข้าใจหนูเลย”
มองย้อนไปในตอนที่เราเป็นเด็ก ถ้าพ่อแม่รีบห้าม รีบสอน เราก็คงไม่อยากเล่าหรือปรึกษาต่อใช่ไหม ? ลูก (วัยเด็ก วัยเรียน วัยรุ่น) ก็เช่นเดียวกัน ฟังและพูดคุยด้วยความเข้าใจ และยอมรับว่าสิ่งที่ลูกคิด และรู้สึก อาจจะไม่เหมือนอย่างที่เราคิด เลือกที่จะให้โอกาสลูกได้พูดในสิ่งที่ใจคิด ฟังให้ได้ยินเสียงหัวใจเขา ฟังให้เข้าใจความรู้สึก ความคิดของเขา และการแก้ไขปัญหาของเขา เมื่อเราฟังเขาได้อย่างเข้าใจแล้วมันก็ไม่สายเกินไปใช่ไหม ? ที่เราจะช่วยเติมเต็มคำแนะนำของเราในการเป็นทางเลือกในการแก้ปัญหาของลูก
2. อย่าคาดหวังว่าลูกจะทำตาม 100%
เมื่อคนเป็นพ่อเป็นแม่ให้คำปรึกษาหรือแนะนำที่ดีแล้ว ต้องลดการคาดหวังว่าลูก (วัยเด็ก วัยเรียน วัยรุ่น) จะทำตามคำแนะนำของเราทุกอย่าง เด็กวัยรุ่นมีความคิดเป็นของตัวเองสูง เมื่อเขาผิดพลาด ไม่ควรซ้ำเติม ดุด่า หยาบคาย แต่ปลอบและสอนให้ลูกรู้จักว่า ตัวเขาได้เรียนรู้อะไรจากประสบการณ์นั้นๆ เพราะทุกความผิดพลาด ทุกความไม่เป็นอย่างหวัง คือบทเรียน ที่จะฝึกฝนจิตใจและทักษะชีวิต ของลูกให้แกร่งขึ้น
3. จัดการอารมณ์
เมื่อลูกมาเล่าเรื่องอะไรก็ตามให้เราฟัง แสดงว่าลูกไว้ใจเราพอสมควร บางเรื่องเล่าอาจไม่เข้าหู ฟังแล้วหงุดหงิด ไม่ถูกใจ เราอาจต้องฝึกตัวเราให้ช้าลงสักหนึ่งจังหวะ หยุดรอเพื่อให้รู้ทันอารมณ์ตนเอง หากคนเป็นพ่อแม่ จัดการอารมณ์ของตัวเองได้ จะสามารถช่วยเปิดใจลูกวัยรุ่นได้อย่างแน่นอน! เมื่อใจเราสุขสงบ เราจะสามารถเลี้ยงลูกได้อย่างมีความสุข
นอกจากนี้แล้ว พ่อแม่หลายคนคงเจอปัญหา คุยกับลูกไม่รู้เรื่อง คุยแล้วไม่เข้าใจไม่ตรงกัน บางครั้งก็ทะเลาะกันเป็นเรื่องราวใหญ่โต คำถามคือ แล้วเราจะสื่อสารกับลูกวัยรุ่นอย่างไรให้ได้ผล
เรียนรู้วิธีการเลี้ยงลูกวัยรุ่น “วิธีการสื่อสารกับลูกวัยรุ่นให้ได้ผล”
เคยสังเกตไหมว่าทำไมตอนลูกเราเล็กๆ ก็สนิทกันดี คุยรู้เรื่อง แต่พอโต ก้าวเข้าสู่วัยรุ่นแล้ว ลูกกลับไม่อยากพูดซะอย่างนั้น ?
เพราะเด็กในแต่ละช่วงวัยโดยเฉพาะลูกในช่วงวัยรุ่น ใช้วิธีการสื่อสารไม่เหมือนกัน…การสื่อสารให้ได้ผลดี คือการที่ ผู้ส่งสาร และผู้รับสาร อยู่บนคลื่นความถี่เดียวกัน ที่เราต้องจูนให้ตรงถ้าคุณพ่อคุณแม่ เข้าใจหลักการนี้ ก็จะสามารถปรับวิธีการสื่อสารได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
การสื่อสารกับลูก เราสามารถ แบ่งออกเป็น 3 ช่วงวัยคร่าวๆ คือ
1. วัยเด็กเล็ก (ก่อน 7 ขวบ): เป็นช่วงอายุวัย 2-7 ขวบ ถือว่าเป็นวัยอนุบาล หรือก่อนเข้าประถม ที่เด็กในอายุช่วงนี้ เป็นวัยช่างถาม ช่างสงสัย การสื่อสารที่ดี คือการเน้นการ “พูด” เพราะฉะนั้น ในช่วงอายุนี้ คุณพ่อคุณแม่ ควรสื่อสารโดยการพูดให้เยอะ เล่าเรื่องต่างๆ อ่านนิทานให้เยอะ เพราะเด็กจะสามารถซึมซับได้ดีที่สุด เด็กชอบฟังให้เราพูด
2. วัยเรียน หรือ วัยประถม (ประมาณ 7-12 ปี): วัยนี้จะเน้นการ “ทำ” กิจกรรมร่วมกัน ลูกชอบให้สื่อสาร ด้วยการเล่น หากิจกรรม ลงมือทำร่วมกัน ไม่ว่าจะเป็น บอร์ดเกม หรือกิจกรรมต่าง นี่คือโอกาสทองที่เราจะสร้างความสัมพันธ์กับลูกให้สนิท ก่อนเข้าช่วงวัยรุ่น
3. วัยรุ่น (ประมาณ 12 ปี+): เทียบง่ายๆ อาจเป็นวัยที่เริ่มเข้าสู่มัธยม วัยนี้ เป็นวัยที่กำลังค้นหาตัวตนของตัวเอง อยากรู้ อยากลอง การสื่อสารที่ดีที่สุดสำหรับเด็กในวัยนี้ คือ “การฟัง”ยิ่งเรารับฟังลูกมากเท่าไหร่ ฟังแบบไม่ตัดสิน ฟังให้สุดทาง ให้ทะลุถึงในใจว่าลูกคิด รู้สึกอย่างไร จะยิ่งทำให้คุณพ่อคุณแม่ สามารถเปิดใจลูกได้ เพราะเมื่อไหร่ ที่ลูกรู้สึกว่าคุณฟังเค้า เค้าก็จะฟังคุณ และ เมื่อนั้น การสื่อสารก็จะไม่เป็นเพียงทางเดียว อีกต่อไป
หากคุณพ่อ คุณแม่ หรือผู้ปกครองปฏิบัติได้ ตามช่วงวัยที่เหมาะสมแล้ว LSA เชื่อว่า การเข้าไปอยู่ในใจลูก ไม่ว่าจะเป็นลูกวัยเด็กเล็ก วัยเรียน หรือแม้กระทั่งวัยรุ่น ก็จะไม่ยากสำหรับคุณพ่อคุณแม่อีกต่อไปค่ะ